สวัสดีอีกครั้งครับ เดือน 7 ปี 2019 ตอนนี้ก็ถือว่าครบรอบหนึ่งปี Airbnb Experiences ที่เชียงใหม่แล้ว [ กทมเป็นปีที่สอง ] เลยอยากมาอัพเดทข้อมูลที่เปลี่ยนไป
สำหรับระดับGlobalนั้น Airbnb Experiences ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก เพราะมีอัตราการโตค่อนข้างสูง ส่วนตัวผมคิดว่า Airbnb ฉลาดมากที่จับตลาดนี้ เพราะหลังจากที่เราจองบ้าน ระบบจะเรียงเวลาของเรา(แขก) เป็นแบบ timeline และจะคอยเอา experience มาแทรกขาย กระหน่ำทั้งทางเมลและในApp
ในส่วนของ Concert [ ร่วมใน part ของ Experiences] และ Restaurant [การจองร้านอาหาร] เปิดใช้ในบางประเทศแล้วแต่ที่ประเทศไทยจะเป็นการนำคำแนะนำของโฮสบ้านมาใส่ไว้แทน ซึ่งเขานำข้อมูลมาจาก Host’s guidebook จะเห็นได้ว่า Airbnb มุ่งไปที่การรวม(ขาย)ประสบการณ์ทั้งหมดของการเที่ยว ซึ่งในอนาคตอาจจะร่วมระบบการจองตั๋วเครื่องบินด้วย
AIRBNB ADVENTURES เพิ่งจะเปิดตัว โดยเป็นการแยกออกมาจาก Airbnb experience ซึ่งเป็น Day trip และ ADVENTURES เป็นแบบไปเที่ยวค้างคืน (Multi-day trip) ระยะเวลาจะจัดเป็นแบบ 2-7 วัน โดยเน้นที่ความสะดวกแค่เอาตัวไปถึงสถานที่นัดก็พอ โดยจะให้ร่วมค่าอาหารและที่พัก ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ https://www.airbnb.com/b/adventures
ลองมาดูหัวข้อสำคัญของการโฮส Airbnb Experiences
IDEA: Airbnb Experiences ต่างจากบ้านที่ต้องส่งไอเดียหรือบทไปให้ทีมงานพิจารณาก่อนครับ แม้จะต้องเขียนไอเดียส่งไป แต่ ณ ปัจจุบันถือว่าผ่านได้ง่ายขึ้นครับ การพิจารณานั้นเร็วมาก เพียงสามถึงสี่วันก็มีเมลตอบกลับมาแล้วว่าผ่านหรือไม่ มีพี่ๆหลายท่านส่งมาถามผมว่าทำไมถึงไม่ผ่าน อันนี้ตอบยากครับเนื่องจากผมไม่ได้อ่าน idea ที่เขียนไป แต่หลักการสำคัญคือ เราควรจะต้อง host experience นั้นด้วยตัวเองและหรือประสบการณ์นั้นจะเกิดได้จาก connection ของเรา เช่น การพาคนไปในหมู่บ้านของเราเอง ร่วมถึงควรมีภาพถ่ายสถานที่ที่เราจะไปลงได้ 10 รูป รวมภาพปก ภาพนั้นควรจะเป็นแนวตั้ง
AIBNB FEE: หรือ ค่าดำเนินการ จะหัก 20% จากรายรับที่เราได้ แต่หากเราเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร รายรับจาก Experiences และ Adventures จะไม่มีการหักค่าดำเนินการ ในส่วนของการตั้งค่าจะมีส่วนลดให้เลือก โดยจะเป็นแบบลด 20% สำหรับ 10 ที่แรกของ experience ที่ยังไม่มีคนจอง[0 รีวิว] หรือ early bird สำหรับคนที่จองก่อน 2 สัปดาห์ โดยตรงนี้ host จะเป็นคนเลือกว่าจะเปิดหรือไม่
SCHEDULE: ปฏิทินจะไม่เหมือนแบบบ้าน โดยเราต้องกดเพิ่มวันที่เราอยากจะโฮสลงไปแทน เหมาะกับบางท่านที่อยากทำเป็นอาชีพเสริมแค่วันหยุด และหากเรามีหลายกิจกรรม เวลาของกิจกรรมจะต้องไปไม่ชนกัน เช่น เราไม่สามารถโพส กิจกรรม 9 โมงเช้าสองอันได้ แต่เราสามารถโพสกิจกรรม[อันเดียวกันหรือคนละอัน]ต่อกันได้ 8:00-11:00 และ 11:30-14:30
REVIEW: คะแนนร่วมของ Airbnb Experiences จะแสดงเป็นจุดยิบย่อย เช่น 5.00 , 4.96 , 4.85 คือไม่ได้แสดงเฉพาะดาว แล้วมีกฏว่าหากมีเกิน 20 รีวิว คะแนนร่วมจะต่ำกว่า 4.70 ไม่ได้ ถ้าต่ำกว่านั้น Airbnb จะพิจารณาปิด experience นั้น ในส่วนการเขียนจะเป็นฝั่งเดียว คือ แขกสามารถรีวิวได้ภายใน 30 วัน และโฮสจะไม่สามารถเขียนรีวิวแขกได้ โฮสทำได้เพียงเขียนตอบใต้รีวิว การขอลบรีวิวทำได้ในกรณีแขกที่เขียนไม่ได้มาเข้าร่วมเท่านั้น [จองให้แทนหรือ no show ]
BOOKED Airbnb Experiences: ผมได้ไปลองใช้ตอนที่ไปเที่ยวและพบว่ามีจุดน่าสนใจที่ต่างจากทัวร์อื่นดังนี้ครับ
กรุ๊ปมีขนาดเล็ก เนิ่องจากเขาจำกัดให้โฮสได้ต่อครั้งไม่เกิน 10 คน การไปเที่ยวเลยคล้ายๆเหมารถไปกับเพื่อนๆ ยิ่งถ้าวันที่เราจองมีแค่เราคนเดียวอันนี้จะกลายเป็น private tour ทันที่ *เราสามารถเพิ่มจำนวนคนได้โดยการเขียนไปขอทีมงาน
มีคนคอยเช็คเรื่องฟ้าฝนให้ โดยเฉพาะประเภทเดินเขา โฮสจะเช็คให้ถ้าเขาพบว่าฝนตกหรือสภาพอากาศไม่ดี เขาจะยกเลิกแล้วคืนเงินให้เต็มจำนวนครับ ส่วนตัวผมว่าดีกว่าฝืนๆไป
ราคา โดยปรกติจะสูงกว่าของแบบอื่น ราคาในแต่ละวันอาจไม่เท่ากันแต่หากมีคนกดจองวันไหน ราคาที่แขกคนอื่นจะจองจะเป็นราคาเดียวกัน ไม่มีการคิดแยกราคาเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นก่อนจองควรอ่านรายละเอียด เพราะหากเจอว่าโฮสไม่ดี เอาไปลง join tour เราจะจ่ายแพงกว่าคนอื่นทันที่ แม้ว่าเราจะฟ้องไปทาง airbnb ได้แต่ก็เสียเวลาและเสียอารมณ์ไปเปล่าๆ
COMPETITORS การแข่งขัน: ถ้าเทียบกับบ้านต้องถือว่ามีlistingน้อยกว่ามาก ณ จุดนี้ยังถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะลองเปิดครับ ในส่วนของกิจกรรมทางAirbnbไม่ได้ห้ามสำหรับประสบการณ์ที่คล้ายกัน(ไปในสถานที่เดียวกัน) แถมยังส่งเสริมด้วยโดยบอกว่าหากเจอประสบการณ์ที่คล้ายกันขอให้โฮสคุยกันเองเพื่อรวมกัน เพราะฉะนั้นถ้าทำถึงจุดหนึ่งแล้วทำได้ดีก็จะมีคนทำตามครับ อาจจะเป็นเวอร์ชั่นอีกภาษา แต่สำหรับใครที่เปิดแบบworkshopอันนี้จะได้เปรียบเพราะสถานที่เป็นของเราเองคนอื่นจะมาทำตามได้ยาก ในอีกมุมหนึ่ง การที่แขกได้ใช้experienceแล้วประทับใจก็จะส่งผลให้เขาเลือกจองexperienceอันอื่น ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยกันเองของโฮสเพราะจากประสบการณ์ของผมแขกมันจะจอง 2-3 Experiences ระหว่างที่เขามาเที่ยว
JOIN TOUR: กฏของ Airbnb Experiences ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามรับแขกอื่นนอกจากของ Airbnb แต่โดยทางปฏิบัติเนื่องจากมีกฏอีกข้อ คือ แม้มีแขกเพียง 1 คนก็ต้องจัดประสบการณ์นั้น ทำให้hostบางท่านละเลยกฏนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่อหัวไม่คุ้ม บริษัททัวร์เองก็เข้ามาจอยโดยมอง Experience เหมือนเป็น OTA ช่องทางหนึ่ง แถมค่อนข้างประสบความสำเร็จเนื่องจากราคาของเขาไม่สูง แต่ถ้าเขาถูกร้องเรียนและได้คะแนนต่ำกว่า 4.7 ทีมงานก็จะพิจารณาปิดlistingนั้น แต่ถึงอย่างไรช่องว่างตรงนี้น่าจะเป็นข้อเสียหลักๆของ airbnb Experiences สำหรับโฮสที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
CO-HOST: Airbnb อนุญาตให้เราสามารถเพิ่ม co-host ได้ โดยการข้อให้เราระบุให้ชัดเจนให้หัวข้อ About me เท่าที่ผมดูๆจากพี่ๆท่านอื่น แขกก็ไม่ได้มีปัญหากับจุดนี้สำคัญว่าเราต้องสื่อสารออกไปชัดเจนว่าแขกจะไม่ได้เจอเราแต่เจอใคร
GUEST: แขกที่ผมเจอมาเกือบทั้งหมดนิสัยดีมากๆ จะมีที่ไม่ทำตามกฏจำนวนน้อยมากๆ เช่น จองหนึ่งมาสองคน อันนี้เราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป แต่โดยรวมสำหรับผม คือ ทำให้ได้เพื่อนใหม่ การพบเจอคนใหม่ๆที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันเป็นเวลาที่สนุกมาก ร่วมถึงแขกบางคนจองExperienceของเราเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้คนสำคัญของเขา การได้เป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญมัน “ดีต่อใจ” ซึ่งสิ่งนี้มีคุณค่ามากกว่าเงิน ในอนาคตทาง Airbnb จะเสริมพิเศษให้กับโฮสที่มีบ้านด้วย เป็นในรูปแบบการขายแพคคู่ให้กับแขก
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ผมเองแม้จะมีประสบการณ์มาบ่างแต่ก็ยังถือว่าเป็นมือใหม่ อาจจะตกข้อมูลบางอย่างหรือให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนก็ขออภัยมานะที่นี้นะครับ ว่าแต่ว่าพี่ๆน้องๆ…ลองเริ้มเขียนไอเดียดูไหมครับ
www.airbnb.com/x/nritharom ผมขอฝากลิ้งค์การสมัครของผมเอง การเป็น host Airbnb Experiences นั้นไม่จำเป็นต้องเป็น Home host มาก่อนนะครับ ตัวผมเองจะได้รับค่าแนะนำหาก experience ของท่านผ่านการพิจารณาและมีคนจอง ร่วมถึงใน Airbnb inbox จะมีช่องแชทกับผมขึ้นมาและพี่ๆสามารถส่งคำถามมาถามได้
Comments