ผมคิดว่าหลายๆ ท่านคงมีประสบการณ์รับ “แขกบ้าน” คนแรกกันไปแล้ว วันนี้เลยอยากมาแชร์เรื่องการรับ “แขกประสบการณ์” คนแรก ขอเริ่มต้นเลยว่าการจะทำ Airbnb Experiences ต้องเริ่มด้วยความอดทน (กว่าบ้าน) เพราะเราต้องเขียนไอเดียส่งให้ทีมงานตรวจสอบก่อน “ซึ่งถ้าไม่ผ่าน” ส่วนมากทีมที่ตรวจก็จะไม่ได้ให้เหตุผลอะไรกลับมา...ก็ไม่ต้องมานั่งเศร้าน่ะครับ เขียนส่งไปใหม่ได้เลย ผมโชคดีที่เขียนส่งไปสามอันแล้วผ่านหมด พี่ๆเพื่อนๆที่ยังใหม่กับ Airbnb Experiences สามารถไปอ่านได้ที่บทความก่อนหน้านี้นะครับ
กรณีวันนี้ที่ผมจะยกขึ้นมาเล่าให้ฟัง เป็นทัวร์ชิมกาแฟ Coffee Connoisseur; Cafe hopping tour เพราะตัวผมชอบไปตะลุยตามร้านกาแฟอยู่แล้ว โดยเฉพาะร้านเล็กๆที่เจ้าของดูแลเอง ซึ่งในช่วยที่เขียนโครงไอเดียส่งไปให้ตรวจ ผมก็ได้ออกไปสำรวจร้านต่างๆ รวมถึงขอเขาถ่ายรูปและอธิบายเรื่องกิจกรรมของเรา วางแผน A,B ว่าจะพาแขกแบบไหน ไปทานร้านแบบไหนดี หลังจากไอเดียผ่านก็รอมาประมาณ 1 เดือนครับถึงจะมีแขกคนแรกจองมา แขกส่งเป็นคำถามมาแล้วขอเปลี่ยนเวลาจากเช้าเป็นบ่ายแทน ซึ่งข้อมูลพวกนี้เราควรจะนำมาวิเคราะห์ต่อว่า Experiences ที่เราจะจัดควรเริ่มต้นเวลาไหนดี จำนวนแขกในตอนเริ่มต้น ผมคิดว่าเราควรลองเริ่มที่คนเดียวหรือไม่เกินสองท่าน เพราะถ้ามากกว่านี้หากเรายังไม่คล่องจะยากมากที่จะดูแลแขกได้อย่างทั่วถึง
ในวันที่จัดกิจกรรมก่อนจะถึงเวลานัด ผมเองจะขับรถตรวจว่าร้านกาแฟที่เราจะไปเปิดทำการหรือไม่ พอถึงเวลานัดแขกมาแล้วแต่คราดกันเพราะเขาไปรออีกมุม ดีที่ผมวิ่งเช็คตลอดก็เลยเจอกัน ตรงจุดนี้เราก็ต้องระวังครับเพราะบางที่จุดที่เราระบุอาจจะสับสนกับแขกและการหากันไม่เจอในช่วงแรกอาจสร้างอารมณ์ไม่ดีให้กับช่วงที่เหลือ
เวลาที่ผมโฮสประสบการณ์ผมจะหาสถานที่เอาไว้แนะนำตัวหรือจะเรียกได้ว่าเอาไว้ละลายพฤติกรรม ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าสำคัญมาก เพราะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์แขกของเราได้ว่าเขาเป็นแบบไหน คือ ชอบทานกาแฟที่รสชาติ หรือ ชอบสถานที่เพื่อการถ่ายรูป เพราะลำดับสถานที่ที่เราเตรียมไว้จะได้ออกมาน่าสนใจสำหรับเขา
ผมเองเริ่มโดยการสอบถามความรู้ด้านกาแฟของแขก ซึ่งแขกของผมท่านนี้เธอเป็นนักชิมอยู่แล้ว จะมีชงกาแฟเองบ้างเล็กน้อย ซึ่งเธอเน้นไปที่รสชาติของกาแฟมากกว่าหน้าตา ในจุดนี้เราต้องเตรียมตัวให้ดีเพราะบางสถานการณ์เราจำต้องพูดไทยสลับกับภาษาอังกฤษ หากร้านที่เราไปเป็นร้านที่เราคุ้นเคยก็จะดีมากๆ เพราะพอเราโผล่หน้าเข้าไป รอยยิ้มการต้อนรับจะเกิดขึ้นได้ง่าย แขกก็จะรู้สึกถูกต้อนรับไปด้วย ในส่วนของการถาม-ตอบ เราควรจะเน้นไปที่ความจริงใจ คือ เล่าสิ่งที่เราทราบจริงๆ หากสิ่งใดเราไม่ทราบก็ควรบอกแขกว่าไม่ทราบ แล้วอาจจะหาข้อมูลให้เพื่อมาตอบทีหลัง ซึ่งผมพบว่าเวลาที่เราโฮส experiences ทำให้เราได้ความรู้มากขึ้นในเรื่องที่เราโฮส
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการโฮส Airbnb Experiences คือ การรักษาอารมณ์ให้แขกเอนจอยตลอดเวลาของกิจกรรม ซึ่งจุดนี้เราอาจจะต้องคอยสำรวจแก้ไขปรับปรุงอยู่ตลอด แน่นอนบางครั้งเราอาจได้รีวิว สามดาวหรือสีดาวมาบ้าง ก็ให้พยายามอ่านรีวิวแล้วนำข้อติของแขกมาปรับปรุง ในส่วนตัวผมเคยได้ข้อแนะนำ เช่น เราเดินเร็วเกินไป (แขกเหนื่อยแล้วเดินตามไม่ทัน) หรือ การเตรียมเครื่องดื่มที่อาจจะไม่หลากหลาย อีกสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ การหา hi-light ให้กับประสบการณ์ของเรา ซึ่งจะทำให้แขกจดจำไปได้ตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะสะท้อนกลับมาในรีวิวด้วย
ควรหาเพื่อนมาถ่ายรูปให้ ซึ่งเป็นอีกตัวช่วยที่สำคัญสำหรับงานในอนาคต ( อย่าลืมขออนุญาตแขกด้วย ) เพราะ Experiences เป็นเรื่องของคนต่อคน และในการลงภาพเราสามารถใส่ได้เพียง 10 ภาพ การมีรูปภาพของเรากำลังคุยกับแขกก็สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแขกในอนาคต
ในส่วนของระบบของรีวิว Airbnb Experiences จะขอให้แขกประเมินสามอย่าง
1. ความรู้ของเราต่อสิ่งที่เราโฮส Expertise, Sharing knowledge, passion, and personal perspective.
2. คอนเน็กชั่นของเรา Insider access, Offering something unique that guests can’t get anywhere else.
3. ความรู้สึกของความสนิทสนมระหว่างเรากับแขก Connection, Making guests feel personally welcome and turning strangers into friends.
ซึ่งระบบประเมินของ Airbnb Experiences จะสูงหน่อย เราต้องรักษาคะแนนรวมให้ได้มากกว่า 4.7 ขึ้นไป
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ หากโดยพื้นฐานเป็นคนชอบเทคแคร์แขก ช่างเจรจา ผมอยากสนับสนุนให้ทำครับ ยิ่งแขก Airbnb ที่มาส่วนใหญ่นิสัยดีและเฟรนด์ลี่มากๆ โดยให้เริ่มจากกิจกรรมที่เรารัก เช่น งานอดิเรกของเรา ซึ่งเราทำได้ทุกๆวันโดยที่ไม่เบื่อ
หากใครคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์แล้วยังไม่เคยสมัคร Airbnb Experiences สามารถสอบถามผมได้ครับ และฝากลิงค์สมัครซึ่งผมจะได้รับค่าแนะนำ เมื่อประสบการณ์นั้นผ่านการตรวจแล้วมีแขกคนแรก และสามารถสอบถามผมส่วนตัวได้ครับ www.airbnb.com/x/nritharom